การเขียนเอกสารอ้างอิง
ตัวอย่างการเขียนเอกสารอ้างอิง
1.Mackenna BR, Callander R. Illustrated physiology. 6th ed. New
York : Churchill Livingstone, 1997.
2. สุภาพร สุกสีเหลือง. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Aquaculture).
กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมการเกษตร, 2538.
3. Weinstein L, Swartz MN. Pathogenic properties of invading microorganisms. In
: Sodeman WA Jr, Sodeman WA, editors. Pathologic physiology : mechnisms of
Disease. Philadelphia : Saunders, 1974: 457-72.
4. สุพิศ จึงพาณิชย์. Oral cavity & teeth. ใน : วิญญู มิตรานันท์, บรรณาธิการ.
พยาธิวิทยากายวิภาค. กรุงเทพ : โอเอสพรินติ้งเฮาส์, 2538: 659-78.
5. Ansvarsfall RY. Bloodtransfusion till fel patient. Vardfacket 1989; 13 :
xxvi-xxvii.
6. รังสี อดุลยานุภาพ, มงคล เตชะกำพุ, ชัยณรงค์ โลหชิต. การกระตุ้นรังไข่ในลูกโคด้วยฮอร์โมน เอฟ เอส เอช
ซ้ำหลายครั้ง. เวชชสารสัตวแพทย์ 2541; 28: 59-69.
รูปแบบ :- ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์.
เมืองที่พิมพ์: ผู้พิมพ์, ปีที่พิมพ์.
1. Mackenna BR, Callander R. Illustrated physiology. 6th ed. New York :
Churchill Livingstone, 1997.
บทหนึ่งในหนังสือ (Chapter in a book)
วารสาร
รูปแบบ :- ชื่อผู้แต่ง. ชื่อบทความ. ชื่อย่อวารสาร
ปีที่พิมพ์ ; ปีที่ของวารสาร (ฉบับที่) :
หน้าที่ปรากฏบทความ.
1. Marks SL, Williams DA. Time course of gastrointestinal tract permeability to
chromium 51-labeled ethylenediaminetetraacetate in healthy dogs. AJVR 1998; 59:
1113-5.
สรุป
รายงานทางวิชาการเป็นผลจากการแสวงหาความรู้ตามขอบข่ายเนื้อหาสาระในรายวิชาต่างๆ ที่อาจารย์ผู้สอนมอบหมาย เพื่อให้นักศึกษามีประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยตนเองพร้อมไปกับการมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระของรายวิชาเหล่านั้น การทำรายงานทางวิชาการอย่างเป็นขั้นตอน
โดยเริ่มจาก 1) กำหนดเรื่อง 2) สำรวจแหล่งข้อมูล เพื่อค้นหาข้อมูลเบื้องต้นมาเป็นแนวทางในการ
3) กำหนดโครงเรื่อง 4)
การรวบรวมข้อมูลตามโครงเรื่อง 5)
การอ่านวิเคราะห์และสังเคราะห์ แล้วจึงลงมือ 6)
เขียนรายงาน จะช่วยลดความยุ่งยากและช่วยให้การทำรายงานสำเร็จได้โดยง่าย รายงานทางวิชาการที่ดี จะพิจารณากันที่
รูปเล่ม เนื้อหา การเขียนอธิบายความชัดเจน เข้าใจง่าย มีการแสดงหลักฐานอ้างอิงและบรรณานุกรม
ที่มาของข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถูกต้องตามแบบแผน
ดังนั้น การประเมินคุณค่าของรายงานจึงพิจารณาที่ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และการสังเคราะห์ความรู้ของผู้ทำรายงาน รายงานที่ดีจะต้องแสดงเนื้อหาสาระข้อเท็จจริงอย่างถูกต้อง
แสดงความคิดหรือทัศนะของผู้เขียนอย่างมีเหตุผล และที่สำคัญอย่างยิ่งคือต้องเป็นผลงานที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าของนักศึกษาเอง ซึ่งมิใช่ผลงานที่คัดลอกจากผู้อื่น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วันที่สืบค้น 22 กันยายน พ.ศ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น